ทหารของพระราชา!! นาทีชีวิตทหารช่วยปชช. ฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว ความกดดันที่แลกกับศรัทธาประชาชน!!

ในช่วงเวลานี้นับเป็นห้วงแห่งความทุกข์ของประชาชน พี่น้องชาวจังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด แต่กลับมีเรื่องหนึ่ง...


ในช่วงเวลานี้นับเป็นห้วงแห่งความทุกข์ของประชาชน พี่น้องชาวจังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด แต่กลับมีเรื่องหนึ่งที่น่าชื่นชมยินดีคือประชาชนในหลายจังหวัดรวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกันช่วยเหลือพี่น้องภาคใต้อย่างเต็มความสามารถ รวมไปถึงเหล่าทหารหาญที่ลงพื้นที่ช่วยอีกด้วย
จ.ส.อ.กิติศักดิ์ ทัพเมือง หนึ่งในทหารที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ตามบ้านเรือนที่น้ำท่วมสูงได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่กดดันแต่แลกมาด้วยศรัทธาของประชาชนที่ทำให้พวกเขามั่นใจได้ทหารพึ่งพาได้เสมอ

"ปกติผมไม่ค่อยจะโพสอะไร วันนี้ขอเล่าเนื่องนาทีชีวิตของเมื่อวานสักหน่อยครับ เช้าวันที่ 5 มกรา 60 รับภารกิจเป็นชุดเรือท้องแบนช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เตรียมของเสร็จก้อออกเดินทาง ระหว่างทางน้ำท่วมสูงมากบางจุดเกือบท่วมราวสะพานทั้งหมด เมื่อเดินทางถึง ต.ที่วัง อ.ทุ่งสง ก้อมีตำรวจและชาวบ้านเข้ามาโบกรถขอความช่วยเหลือ " มีคนแก่กับเด็กติดอยู่ในบ้าน 3 คนคนแก่ก่อเปนอัมพฤกษ์ด้วย น้ำท่วมจะถึงคอแล้วครับ ขอช่วยหน่อยครับทหารพื้นที่นี้ยังไม่มีเรือเลย " ต่างพื้นที่แต่มีความเร่งด่วนมากเราก้อเลยต้องลงไปช่วย ทั้งๆที่ผมมองเห็นกระแสน้ำแล้วขนลุกเลย " เอาวะ!! ช่วยที่ไหนก็คือช่วย " แล้วที่นี่ก็เดือดร้อนมากด้วย พอดีได้คุยกับพี่คนนึง "พ่อกับแม่และก้อหลานผมติดยุในบ้านครับ" ก็เลยได้เอาเรือลงไปช่วย เครื่องเรือ 25 แรงกับ เรือยาง ผมนี่หวั่นๆเลย ควาวแรงกระแสน้ำน่าจะ3-4ฟุต/วินาที ขับเรือเข้าไปรอบแรก ไม่สามารถเข้าถึงบ้านได้กระแสน้ำแรงมากช่วงหน้าบ้านซึ่งเป็นช่องเล็ก พัดเรือกระแทกต้นไม้บ้างเสาไฟบ้าง ต้องเอาเรือกลับฝั่ง ข้ามกลับมาด้วยความทุลักทุเลเลยตัดสินใจขอเครื่องเรือตัวใหม่มาขนาด 40 แรง เพราะคิดแล้วว่าปล่อยไว้อันตรายแน่ครับถ้าช่วยแล้วต้องช่วยให้สำเร็จ



พอเครื่องเรือมาถึงก็รีบประกอบแล้วออกไปช่วยใหม่กว่าจะเข้าถึงบ้านได้ต้องเข้าซอกเข้าซอยหันเรือขวางกระแสน้ำ ซอยก็กว้างกว่าเรือไม่มาก ด้านข้างเป็นรั้วแบบเหล็กแหลม ต้องกระโดดลงน้ำไปช่วยประคองเรือ พอเข้าไปถึงบ้านผมนี่ตกใจเลยครับ กระแสน้ำก็แรง ระดับน้ำก็ประมานราวนม มีคนเป็นอัมพฤกษ์ อีกคนเป็นหญิงชรารูปร่างท้วม กับเด็กน้อยอายุ 2ขวบ ตอนนั้นเด็กอยู่ในห่วงยางแล้วครับ แล้วก็ไปรับน้องผู้หญิงอีกคน รวมทั้งหมดบนเรือ 8 คน
ขับเรือมาปกติจนถึงกลับน้ำเชี่ยวกำลังจะข้ามรางรถไฟ ปรากฏว่าเครื่องกระตุกแล้วดับ สตาร์ทติดแต่เข้าเกียร์ไม่ได้ โดนกระแสน้ำพัดไปเรื่อย กระแทกต้นไม้บ้าง เสาบ้าง แท่งปูนบ้าง เรากระโดดลงไปพยายามดึงเรือเข้าหาฝั่ง หรือหาที่ยึด แต่น้ำแรงมากเรา 3คนเอาไม่อยู่เลยกลับขึ้นเรือ " น่าจะเชือกพันใบพัดพี่" น้องรนต์ตะโกนบอกผม อัสมิงรีบกระโดดน้ำลงไปแกะเชือกออก แต่ไม่เป็นผล " ใครมีมีดบ้าง ตัดเลย " หมวดเกล้าบอก.. โชคดีที่น้องรนต์พกมีดพับมาด้วย อัสมิงตัดเชือกออกแต่ยังไม่หลุดอีก ผมเลยลงไปแกะเอง เชือกหลุดแต่ยังมีลวดหนามพันยุอีก พยายามแกะต่อไประหว่างนั้นน้ำก็พัดเรือลอยเข้าหาสะพาน
"ตายห่าแล้ว" ผมคิดในใจ ต้องแกะให้ได้ไม่งั้นตายยกลำแน่ อีกไม่ถึง 30 เมตร จะถึงสะพาน เดชะบุญอันใดที่ผมเคยสร้าง ผมแกะลวดหนามออกอย่างเหลือเชื่อ รีบสตาร์ทเครื่องเข้าเกียร์เร่งเต็มกำลังข้ามน้ำเชี่ยวกลับเข้าฝั่งอย่างเหลือเชื่อ กลับถึงฝั่งผมล้มตัวลงนอนในน้ำเลย หมดแรงจริงๆ โชคดีที่ทุกคนมีสติ โชคดีที่มีมีด และโชคดีที่เราเลือกคนขึ้นเรือไม่ผิด ขอบคุณทุกคนที่เชื่อใจผม ตอนมีปัญหาไม่มีใครแสดงท่าทีด้านลบออกมาเลย ขอบคุณทีมงานทุกคน ที่ทำให้ผมรอดกลับมา ความรู้สึกที่แบกชีวิตคนทั้งเรือไว้ช่างกดดันซะเหลือเกิน ทุกคนปลอดภัย มีแค่ใบพัดเรือที่สึกหลอจากการโดนถนนและรางรถไฟ แต่แลกมากับศรัทธาของประชาชนผมว่าคุ้มค่าซะยิ่งกว่า "เราคือทหารของพระราชา ทหารของประชาชน "



ทีมา   http://www.77jowo.com/contents/k/2911/

You Might Also Like

0 comments