ตำรวจ ดส. ล่อซื้อบริการจับสาวท้อง 6 เดือน พาเด็กหญิงวัย 14 ปี เร่ขายบริการย่านฝั่งธนฯ เผยตำรวจบางพลัดได้ข้อมูล ประสาน กก.ดส.บช.น. วางแผนล่อซื้อในราคา 3,500 บาท พอนำเด็กมาส่งที่โรงแรม จึงแสดงตัวเข้าจับกุม สอบสวนรับทำมาเกือบปีแล้ว โดยหักหัวคิวเด็กรายละ 1,500 บาท ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหา และส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร ส่วนเด็กหญิงนำส่งบ้านเกร็ดตระการ เพื่อฟื้นฟูเยียวยา น.1 ลั่นยุคนี้ต้องจับกุมคดี ค้ามนุษย์ให้หมดไปในพื้นที่ให้ได้

เมื่อ วันที่ 16 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนโยบายของพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ต้องการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้น โดยเฉพาะการค้ากามเด็ก จึงสั่งการให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.(มค) พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 2) พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.กรไชย คล้ายคลึง ผบก.ปคม. ศูนย์ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมอย่างจริงจังต่อเนื่อง
ล่าสุดมี รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. โดยพ.ต.อ.เอกสฤษดิ์ วิโรจน์ยุติ ผกก.ดส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.ท.พลจักร บุนนาค สว.กก.ดส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. นำกำลังประสานกับพ.ต.ท.ชัชชัย จักรวิวัฒนากุล รอง ผกก.สส.สน.บางพลัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางพลัด วางแผนล่อซื้อการค้าประเวณีก่อนจับกุมแม่เล้าที่นำเด็กหญิงอายุระหว่าง 14-17 ปี มาเร่ขายบริการได้
ทั้งนี้ ก่อนจับกุมพ.ต.ท.ชัชชัยได้ข้อมูล จากสายว่าบริเวณใกล้สถานีรถไฟบางบำหรุ มีหญิงชื่อ รุ้ง จัดหาเด็กอายุประมาณ 14-17 ปี เพื่อการค้าประเวณี โดยติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ จึงประสานข้อมูลกับพ.ต.อ. เอกสฤษดิ์เพื่อวางแผนล่อซื้อซึ่งเมื่อโทรศัพท์ไปตามที่ได้ข้อมูลมา หญิงชื่อรุ้งเป็นผู้รับสายก่อนเสนอว่ามีเด็กหญิงอายุ 14-17 ปี ตกลงราคาที่ 2,000 บาท ค่าจัดหา 1,500 บาท จึงตกลงซื้อบริการ โดยนัดหมายให้นำเด็กหญิงมาส่งที่ห้อง 143 โรงแรมปาล์มสปริง แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร
กระทั่งเวลา 19.50 น. หญิงสาวชื่อรุ้งเดินทางมาพร้อมเยาวชนอายุ 14 ปี ผู้เสียหาย โดยนั่งแท็กซี่มาถึงห้องพักดังกล่าว หลังเจ้าหน้าที่ที่ล่อซื้อชำระเงินแล้ว จึงส่งสัญญาณให้ชุดจับกุมซึ่งวางกำลังไว้โดยรอบ แสดงตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนเข้าจับกุมและขอตรวจค้น พบธนบัตรรัฐบาลไทยฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 3 ฉบับ ฉบับละ 500 บาท 1 ฉบับ รวมเป็นเงิน 3,500 บาท ที่ใช้ล่อซื้อ พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ที่ใช้ติดต่อค้าประเวณีที่หญิงสาวชื่อรุ้งถืออยู่ จึงแจ้งข้อหาพร้อมควบคุมตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.รุ้ง ชื่อจริงว่า น.ส.เกร็ดแก้ว ยิ้มสมบุญ อายุ 25 ปี เจ้าตัวรับสารภาพว่ามีพฤติกรรมเป็นแม่เล้า พาเยาวชนอายุ 14 ปี มาค้าประเวณีเพื่อหาประโยชน์จริง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัด ดำเนินคดี ส่วนเยาวชนอายุ 14 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ นำส่งบ้านเกร็ดตระการ เพื่อฟื้นฟูเยียวยาคุ้มครองสวัสดิภาพต่อไป
ด้านพ.ต.ท.พล จักร บุนนาค สว.กก.ดส. กล่าวว่า จากการสอบถามน.ส.เกร็ดแก้ว หรือรุ้ง ตั้งครรภ์ประมาณ 6-7 เดือน เคยประกอบอาชีพขายบริการ มีลูกติดอีก 1 คน อายุ 8 ขวบ ให้ญาติเลี้ยง ต้องหาเงินวันละ 100 บาท แต่ภายหลังจากที่สามีติดคุกทำให้ไม่มีเงิน จึงชักชวนเด็กซึ่งเป็นเยาวชนมาขายบริการ โดยเก็บหัวคิวเป็นค่าจัดหาครั้งละ 1,500 บาท แล้วให้เด็ก 2,000 บาท โดยทำมาราวปีกว่าแล้ว นอกจากนี้ระหว่างที่ตำรวจเข้าจับกุม น.ส.รุ้งและตัวเยาวชนหญิงอายุ 14 ปี ก็โวยวายคิดว่าต่างฝ่ายเป็นสายพาตำรวจมาจับกุมตน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบ พบว่าไม่ได้ทำเป็นเครือข่ายในลักษณะขบวนการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ผกก.ดส.บช.น.สั่งการให้ตรวจสอบกรณีอื่นๆ ที่มีลักษณะดังกล่าวทั้งหมด และดำเนินการจับกุมต่อไป
"เบื้องต้น น.ส.รุ้งถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ 1.ข้อหาค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไป ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 2.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรตามพ.ร.บ.เด็ก พ.ศ.2546 และ 3.กระทำการเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไป เพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ผู้นั้น จะยินยอมก็ตาม" สว.กก.ดส.กล่าวขณะ ที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ กก. ดส.บช.น. เร่งรัดจับกุมคดีค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดย กก.ดส.ในยุคนี้ต้องจับกุมดำเนินคดีค้ามนุษย์ให้หมดไปในพื้นที่ให้ได้ รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับสถานบริการ ส่วนผลการจับกุมคดีนั้น ยืนยันได้สั่งการเร่งตรวจสอบคดีที่เกี่ยวข้องเต็มที่ ให้เร่งรัดทุกคดีที่เกิดขึ้นต่อไป
ทีมา   http://www.siamupdate.com/news-183754