บุรีรัมย์-เพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวอด ส่งท้ายสงกรานต์ (คลิป)

เพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ทอง อ.เมืองบุรีรัมย์ อายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี วอดทั้งหลัง ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงก...


เพลิงไหม้ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ทอง อ.เมืองบุรีรัมย์ อายุเก่าแก่ร่วม 100 ปี วอดทั้งหลัง ส่งท้ายเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงกว่า 30 เที่ยว ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้
(17 เม.ย.60) เมื่อเวลา 06.30 น. ร.ต.อ.อัครเดช เพ็งวงษ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ภายในวัดบ้านโพธิ์ทอง ม.12 ต.พระครู อ.เมือง จึงประสานรถดับเพลิงจาก อบต.พระครู และกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จากนั้นรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.บัณฑิต อ่อนสาคร ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์
ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงบริเวณศาลาการเปรียญเก่าแก่ ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ บรรจุคนได้กว่า 500 คน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระดมรถดับเพลิงจาก มณฑลทหารบกที่ 26 และ อ.คูเมือง รวมกว่า 10 คัน แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นศาลาโบราณ อายุร่วม 100 ปี ภายในเก็บเครื่องอัฐบริขาร อุปกรณ์ประกอบพิธีทางสงฆ์ และรูปหล่อหลวงปู่ทิพย์ อดีตเจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งวัดโพธิ์ทอง เจ้าหน้าที่ใช้รถน้ำกว่า 30 เที่ยว ฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่เพลิงก็ได้เผาไหม้ศาลาการเปรียญวอดเสียหายไปทั้งหลัง ก่อนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ต้องใช้เวลาประกว่า 4 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ โดยต้องทำการฉีดน้ำควบคุมเพลิงไว้อย่างต่อเนื่อง ป้องกันการปะทุของเพลิงขึ้นมาอีก
ตรวจสอบทรัพย์สินภายในศาลาการเปรียญพบว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า สบง จีวร เครื่องอัฐบริขารของพระสงฆ์ ธรรมาสน์ ตู้หยอดเงินบริจาคทำบุญของวัด เครื่องใช้ไฟฟ้า สมุดหนังสือ ดินสอปากกา และอีกหลายถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เหลือเพียง พระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 และรูปหล่อหลวงปู่ทิพย์ ที่ได้รับความเสียหายเพียงบางส่วนเท่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียใจให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.พระครู เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งของทั้งหมดชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้าง ปรับปรุงด้วยความบริสุทธิ์ใจและตามกำลังศรัทธา เป็นศูนย์รวม และยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านร่วมกัน
จากการสอบถามพระไชยยันต์ กันตวีโร เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง กล่าวว่า วัดโพธิ์ทอง มีพระลูกวัดจำพรรษา อยู่ 3 รูป ระหว่างเกิดเหตุได้ออกไปบิณฑบาตกันหมด ตนเดินอยู่ด้านหน้าวัด เห็นควันไฟและเพลิงพวยพุ่งมาจากบริเวณห้องครัวชั้นล่างของศาลาการเปรียญ จึงรีบบอกผู้ใหญ่บ้านให้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยเหลือ แต่เพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วมาก
ด้านนายสุพิน เดือนแจ้งรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโพธิ์ทอง หมู่ 12 เล่าว่า ศาลาการเปรียญดังกล่าวสร้างมาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ. 2500 เดิมเป็นอาคารไม้แบบโบราณชั้นเดียว และได้มีการปรับปรุงเมืองปีพ.ศ. 2512 ยกขึ้นเป็นศาลา 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยชั้นบนยังคงเป็นไม้เก่า ที่มีเสากว่า 100 ต้น สำหรับเป็นศาลาฉัน และประกอบพิธีธรรมทางศาสนา ภายในเป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อของหลวงปู่ทิพย์ และเก็บอุปกรณ์พิธีไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนด้านล่างเป็นโรงครัว และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ

พ.ต.อ.บัณฑิต อ่อนสาคร ผกก.สภ.เมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุ พระได้ออกไปบิณฑบาต มีเพียงเจ้าอาวาสอยู่บริเวณกุฏิเพียงรูปเดียว ประกอบกับศาลาดังกล่าวเป็นอาคารไม้เก่าแก่ สายไฟก็ถูกใช้งานมานานตามระยะเวลาการสร้าง จากการสันนิษฐานเบื้องต้น น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานบุรีรัมย์ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง




ทีมา   http://www.buriramtime.com/buriram-fire-pavilion/

You Might Also Like

0 comments