รวยไม่รู้ตัว สองผัวเมียซื้อกบมาเลี้ยง 6 ตัว หวังจะเก็บไว้กินแต่ผ่านไปไม่นานพวกมันทำทั้งคู่แทบเป็นเศรษฐี

นายสมศักดิ์ วิทาเวช หรือลุงเบื๊อก และภรรยาคู่ชีวิต นางสุทัศน์ สุขวิเศษ อาชีพทำฟาร์มเลี้ยงกบ ในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่เศษที่ เลขที่ 13 ม...


นายสมศักดิ์ วิทาเวช หรือลุงเบื๊อก และภรรยาคู่ชีวิต นางสุทัศน์ สุขวิเศษ อาชีพทำฟาร์มเลี้ยงกบ ในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่เศษที่ เลขที่ 13 ม.4 บ้านแก่งหิน ต.วังตะเคียน อ.เขาสมิง จ.ตราด มีบ่อเลี้ยงกบประมาณ 12 บ่อ ปัจจุบันมีกบที่เลี้ยงไว้จำนวนหลายหมื่นตัว มีทั้งกบเล็กและกบใหญ่ พร้อมจับส่งขายให้ลูกค้า


ลุงเบื๊อกเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาก่อนจะมาเป็นคนเลี้ยงกบว่ากว่าสิบปีที่ผ่านมา ตนเองเป็นคนชอบกินกบ จึงซื้อกบที่ชาวบ้านจับมาจากท้องนามาเลี้ยงไว้ เพื่อทยอยทำกินเป็นอาหาร ซื้อครั้งละประมาณ 200 ตัว ขึ้นไป จนกบที่ซื้อไว้เหลือเพียง หกตัว เป็นกบเพศเมีย 3 ตัว เพศผู้ 3 ตัว จึงมีความคิดว่าหากจะซื้อกบกินต่อไปคงจะเสียเงินซื้อกบมากมาย จึงนำกบที่เหลือมาเลี้ยงต่อเพื่อให้ขยายพันธุ์
บ่อเลี้ยงกบ ขนาดประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 5 – 6 เมตร ความสูงประมาณ 1.50 เมตร ใช้ตาข่ายมาปิดปากบ่อ เพื่อป้องกันนกลงมากินลูกกบ และกบใหญ่ นอกจากนี้ ยังมี งูและแมวที่คอยรบกวนกบในบ่อด้วย

ลุงเบื๊อกเล่าต่อว่ากบที่เลี้ยงไว้จะส่งขายตลาดนัดเพื่อให้คนรู้จักในช่วงแรก ต่อมาเมื่อมีคนรู้จักมากขึ้น จะใช้วิธีขายจากหน้าฟาร์มเลี้ยงกบ โดยมีลูกค้า มาสั่งซื้อทั้งกบเล็กและกบใหญ่ ซึ่งกบเล็กขนาดอายุ 2 เดือน ขายตัวละ 2 บาท ขนาดอายุ 3 เดือน ขายตัวละ 5 บาท บางคนซื้อไปเลี้ยงต่อ บางคนซื้อไปทำเหยื่อตกปลา ส่วนกบใหญ่ ขนาดอายุ 5 – 6 เดือน จะขาย กก.ละ 100-150บาท โดยฟาร์มเลี้ยงกบของตนเอง จะมีกบขายทุกรุ่น ตั้งแต่กบเล็กๆ จนถึงกบใหญ่ นำไปประกอบอาหารได้ทันที ที่สำคัญ กบของตนเอง เป็นกบที่เริ่มต้นมาจากกบท้องทุ่งนา ที่อยู่กับธรรมชาติ

สำหรับต้นทุนในการเลี้ยงกบ ลุงเบื๊อกบอกว่า ต้นทุนการเลี้ยงกบส่วนใหญ่จะอยู่ที่ค่าอาหาร กบ 1 กก. จะมีต้นทุนประมาณ 40 บาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคาโรงเรือนและค่าบริหารจัดการแล้ว ต้นทุนการเลี้ยงกบจะอยู่ที่ กก.ละ 50บาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว จะมีกำไรเหลือมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เดือนหนึ่งๆ จะมีรายได้จากการขายกบนับแสนบาท

ทีมา   http://www.kaset.pw/2016/07/6_23.html

You Might Also Like

0 comments