เตืมพลังท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวฯ เดินหน้าจัดกิจกรรมกระตุ้นรายได้ช่วงไฮซีซั่น มั่นใจทั้งปีตามเป้า

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 609,61...

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 609,616.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.28% โดยเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 389,884 ล้านล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย 219,731 ล้านบาท
"ตลาดส่วนใหญ่ยังเติบโต ยุโรปเติบโต 10% ตลาดอาเซียน ตลาดเอเชีย ตลาดอเมริกาก็เติบโต"
รมว.ท่องเที่ยว กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวหลังจากเปลี่ยนมาเน้นรายได้จากการท่องเที่ยวมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งไตรมาสที่ 3 รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 410,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% โดย 1 ม.ค.-13 พ.ย.59 พบว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 14.44% ส่วนรายได้จากไทยเที่ยวไทย เพิ่มขึ้น 7.69%
ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 13% ขณะที่ 1 ม.ค.-13 พ.ย.59 เพิ่มขึ้น 10.8% ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย เพิ่มขึ้น 5.5%
สำหรับเป้าหมายทั้งปี ยังคงคาดการณ์ว่ารายได้จากการท่องเที่ยว ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยเป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.6 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย 8 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้าเป้าหมายอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท
สำหรับแผนการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศช่วงปลายปี จะเป็นการจัดกิจกรรมเดินตามรอยพระบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระองค์ได้เสด็จไปทุกตารางนิ้วของประเทศไทย จนก่อเกิดโครงการพระราชดำริต่างๆกว่า 3-4 พันโครงการ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้สรุป 70 เส้นทางตามรอยพระบาทไปสู่งแหล่งท่องเที่ยวใกล้ พร้อมแนะนำเส้นทางท่องเที่ยว อาหารถิ่น ผ่านคู่มือท่องเที่ยว"70 เส้นทางตามรอยพระบาท" ซึ่งได้ดำเนินการจัดพิมพ์ไปแล้ว 1 แสนเล่ม และกำลังจะพิมพ์เพิ่มอีก 1 แสนเล่ม และในเร็วๆนี้จะจัดพิมพ์คู่มือท่องเที่ยวอีก 5 ภูมิภาคใช้ประกอบคู่กันกับคูมือ"70 เส้นทางตามรอยพระบาท"คาดว่าจะเริ่มแจกจ่ายได้ราวเดือนม.ค.60
นอกจากนี้ ททท.ยังได้จัดกิจกรรม"ก้าวแรกสู่ 9 ที่ยิ่งใหญ่" โดยจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว 9 เส้นทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นทางตามพระราชดำริหรือสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังมีงานพระราชพิธี ได้พยายามประชาสัมพันธ์ในทุกๆจุด สามารถทำได้ทุกอย่างยกเว้นอะไรที่เป็นอบายมุข ผิดกฎหมาย นอกนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ คาดว่ากิจกรรมต่างๆหลังจากนี้จนถึงปีหน้าจะเป็นอะไรที่พิเศษ คงไม่มีใครจัดแบบปกติ แต่อาจจะจัดแบบลึกซึ้งเป็นพิเศษ น่าจะมีความหมาย เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่าน ตามรอยพระบาท หรือที่ๆพระองค์ท่านส่งเสริม
ส่วนมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อคนไทย จะพยายามมีออกมาเป็นระยะๆ แต่ตอนนี้จะโหมกิจกรรม"70 เส้นทางตามรอยพระบาท"ก่อน และจะประชาสัมพันธ์กิจกรรมที่คนคิดว่าไม่จัดก็จะยังจัด รวมทั้งกิจกรรมใหม่ๆ

ในแง่ของความปลอดภัย ได้มีการเพิ่มอัตรากำลังพลตำรวจท่องเที่ยวจาก 1,200 นาย เป็น 1,600 นายในต้นปีหน้า รวมทั้งอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้น มีการเพิ่มจำนวน CCTV นอกจากนี้ได้มีการนำเรือมาใช้ในการดูแลความปลอดภัยทางทะเล จำนวน 20 ลำ โดยอยู่ฝั่งอันดามัน 10 ลำ และฝั่งอ่าวไทยอีก 10 ลำ อำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวตามเกาะต่างๆได้มากขึ้น ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะจัดทำระบบจองการคิวท่องเที่ยวล่วงหน้า เพื่อดูเรื่อง Capacity ของทรัพยากรของเราว่าในแต่ละที่ต่อละวันสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้เท่าไหร่
สำหรับกรณีที่มีความเป็นห่วงว่านโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก และจะกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้น รมว.ท่องเที่ยว กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม.นายกรัฐมนตรีได้ให้ทุกกระทรวงไปมองในส่วนของตัวเองว่าจะได้รับผลอย่างไรบ้าง สำหรับการท่องเที่ยวมองว่าผลกระทบโดยตรงอาจจะไม่มี แต่อาจจะดีขึ้นด้วยซ้ำเพราะมองในแง่ระยะสั้น มีโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะดีขึ้น และนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ ที่มาไทยก็เติบโตขึ้น ดีขึ้น และททท.ก็จะเน้นทำตลาดอเมริกา ละตินอเมริกา โดยกำลังจะเปิดออฟฟิศที่บราซิล และแคนาดา จากเดิมที่ออฟฟิศที่นิวยอร์คและลอสเองเจลิสจะดูแลนักท่องเที่ยวของบราซิลและแคนาดาด้วย แต่หลังจากนี้จะทำให้ออฟฟิศที่นิวยอร์คและลอสแอนเจลิสสามารถทำตลาดนักท่องเที่ยวสหรัฐได้ดีขึ้น
"เราคิดว่าตลาดสหรัฐฯมีโอกาสเติบโต และยิ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้นยังไงเขาก็เที่ยว แคนาดาเป็นนักท่องเที่ยวที่มีค่าใช้จ่ายต่อวันสูงที่สุด ส่วนกรณีสหรัฐฯจะทบทวนนโยบายกับจีน เราคิดว่าสุดท้ายแล้วอเมริกาคงไม่ทำ เพราะในมุมมองของแง่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน...ถึงวันนี้คุณทรัมป์แกจะพูดอะไรต่ออะไรหลายเรื่อง แต่สุดท้ายแกอาจจะรื้อลวดหนามของแกออกก็ได้ เค้าเป็นนักธุรกิจน่าจะมองถึงผลประโยชน์เป็นหลัก...แต่เราก็มอนิเตอร์สถานการณ์นี้ตลอดตามที่ท่านนายกฯมีบัญชา แต่เรายังเชื่อว่าปัจจัยนี้น่าจะส่งผลดีในระยะยาวต่อการท่องเที่ยวในภาพรวม"รมว.ท่องเที่ยว กล่าว

ทีมา    http://www.topicza.com/news21984.html

You Might Also Like

0 comments