ปลูกมะม่วงหิมพานต์ในวงบ่อ เพื่อเก็บยอดขาย

มะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกอยู่ทั่วโลกมีไม่ต่ำกว่า 400 พันธุ์ พันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบันมีไม่มาก ซึ่งได้จากการคัดเลือกจากพันธุ์พื้นเมือ...



มะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกอยู่ทั่วโลกมีไม่ต่ำกว่า 400 พันธุ์ พันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบันมีไม่มาก ซึ่งได้จากการคัดเลือกจากพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะดีตรงตามความต้องการของตลาด
มะม่วงหิมพานต์ที่ปลูกอยู่ทั่วโลกมีไม่ต่ำกว่า 400 พันธุ์ แต่พันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบันมีไม่มากนัก ซึ่งได้จากการคัดเลือกจากพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะดีตรงตามความต้องการของตลาด
 เป็นไม้ผลพื้นเมืองของอเมริกาใต้ ปลูกกันทั่วไปตั้งแต่เม็กซิโกจนถึงเปรู ต่อมาได้ ขยายพันธุ์ออกไปอย่างกว้างขวางในทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ตามหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ตลอดจนถึงทวีปเอเชีย ประเทศที่นับได้ว่าเป็นผู้ส่งออกผลิตผลจากมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่ของโลก ได้แก่ อินเดีย โมซัมบิก แทนซาเนีย บราซิล
สำหรับประเทศไทยมีการคัดเลือก และผ่านการรับรองพันธุ์แล้ว จำนวน 2 พันธุ์คือ พันธุ์ศรีสะเกษ 60-1 และศรีสะเกษ 60-2 ซึ่งเหมาะสำหรับขยายพันธุ์แบบติดตา ต่อกิ่ง เก็บเกี่ยวเมล็ดเพื่อแปรรูป และเก็บยอดอ่อนมารับประทานเป็นผัก
 ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกมะม่วงหิมพานต์เพื่อเก็บยอดขายกันมากขึ้นเนื่องจากใบทั้งใบแก่และยอดอ่อน เป็นที่นิยมบริโภคของคนไทย และมีสรรพคุณทางสมุนไพรหลายชนิด เช่น ยอดอ่อนบรรเทาโรคท้องร่วง บิด ริดสีดวง ใบแก่ นำมาบดให้ละเอียดใช้พอกแผลที่เกิดจากไฟไหม้ หรือนำมาขยี้และใช้สีฟันทำให้ฟันสะอาด มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านมะเร็ง ช่วยลดไข้ สมานแผลในลำไส้ บรรเทาอาการท้องร่วง และบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร
       ปัจจุบันได้มีการส่งเสริมให้มีการปลูกในวงบ่อเพื่อสะดวกต่อการบังคับการเจริญเติบโต เพื่อให้ได้ยอดมากขึ้นตามที่ต้องการและสะดวกต่อการเก็บยอด โดยเบื้องต้นนำวงบ่อซีเมนต์พร้อมฝาปิดที่เจาะรูไว้แล้ว เอาฝาวางบนพื้นจากนั้นนำวงบ่อซีเมนต์ไว้ด้านบน นำดินปลูกที่ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 3-5 กิโลกรัมต่อวงบ่อ คลุกกับดินปลูกใส่ลงไปในปริมาณ 3 ใน 4 ของวงบ่อ
         นำต้นมะม่วงหิมพานต์ที่จะปลูกวางลงในหลุมให้โคนต้นอยู่เหนือปากหลุมเล็กน้อย ปักไม้พยุงลำต้นโดยใช้เชือกผูกติดกับต้นมะม่วงหิมพานต์เพื่อป้องกันลมโยก นำดินกลบหลุมให้แน่นจากนั้นรดน้ำทุกเช้าเย็นจนต้นแข็งแรงมีการแตกยอดอ่อนออกมาจึงลดการให้น้ำเหลือวันละ 1 ครั้งโดยให้เฉพาะช่วงเย็น
 ในระยะ 6 เดือนแรกหลังปลูก เมื่อมะม่วงหิมพานต์ตั้งตัวได้ ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักบ้างตามสมควร จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็วขึ้น และสามารถเก็บยอดได้ทุกวัน และเมื่อเก็บมากก็จะมีการแตกยอดออกมามากเช่นกัน เมื่อมีอายุประมาณ 3-4 ปีขึ้นไปก็ควรพรวนดินตื้น ๆ เป็นวงแหวนรอบบริเวณรัศมีของทรงพุ่ม ซึ่งจะอยู่บริเวณรอบ ๆ ของวงบ่อ แต่ไม่ควรพรวนดินภายในวงบ่อลึกเข้าไปภายในทรงพุ่มมากนัก เพราะอาจจะกระทบกระเทือนระบบราก  โรยปุ๋ยคอกบริเวณรอบ ๆ  ทรงพุ่มตรงบริเวณที่พรวนดินประมาณ 3 ส่วน  อีก 1 ส่วน โรยบนพื้นภายในทรงพุ่ม แต่ไม่ต้องถึงโคนต้น เนื่องจากรากฝอยซึ่งเป็นรากที่หาอาหารของต้นจะอยู่ในบริเวณรัศมีทรงพุ่ม หลังจากใส่ปุ๋ยคอกแล้วควรรดน้ำเพื่อให้ปุ๋ยละลายแทรกซึมลงไปในดินรากจะได้นำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
 การปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวยอดเกษตรกรควรหมั่นตัดแต่งให้ทรงพุ่มสูงไม่เกิน 1.20 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการเด็ดยอดขาย โดยเก็บขายเฉพาะยอดอ่อนเพื่อนำไปรับประทานกับอาหารอื่น ๆ เช่น ขนมจีน ข้าวแกง ข้าวยำ
 มะม่วงหิมพานต์เป็นพืชที่ปลูกง่ายโตเร็วไม่มีโรคและแมลงรบกวน ทนแล้งทนฝนและสามารถเก็บยอดขายได้ตลอดทั้งปี  ปัจจุบันบางรายเก็บขายได้สัปดาห์ละ 2
ครั้ง ครั้งละประมาณ 400-500 บาทในพื้นที่ปลูกประมาณ 1 ไร่  นับเป็นรายได้ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ทีมา  http://www.kaset.pw/2016/07/blog-post_92.html

You Might Also Like

0 comments