แฉพ่อเลี้ยงชอบพาน้องรุ้งตกปลากลางดึก แม่รู้ตบลูก ก่อนปล่อยผัวใหม่ตีลูกโชว์ต่อหน้าชาวบ้าน สะเทือนใจเด็กโดนทารุณหนักไม่เคยร้องไห้ หรือมีน้ำตาสักหยด พ่อตายไร้ที่พึ่ง ก้มหน้ารับการกระทำแม่แท้ ๆ กับพ่อเลี้ยงโหด พฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน 2560 เวลา 18.50 น.

คดีฆ่าถ่วงน้ำ ด.ญ. อายุ 10 ปี จนศพลอยอืดขึ้นติดกองผักตบชวาในคลองสำโรง ตัดคลองผู้เฒ่า ซอยทรัพย์แดง ถนนเทพารักษ์ กม.22 ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิ.ย นางสำราญ ใจพุก เจ้าของบ้านเช่าแม่แท้ ๆ กับพ่อเลี้ยงน้องรุ้งเช่าอยู่บอกว่าก่อนหน้านี้แม่น้องรุ้งอาศัยอยู่กับสามีใหม่ และมีลูกด้วยกัน 1 คน โดยลูกสามีใหม่ แม่น้องรุ้งดูแลเป็นอย่างดี อยากกินอะไรก็ให้กิน แต่พอไปรับตัวน้องรุ้งมาอยู่ด้วยช่วงสงกรานต์ อาทิตย์แรกก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ ต่อมาอีกสัก 2 อาทิตย์ พ่อเลี้ยงชอบพาน้องรุ้งออกไปตกปลากลางดึก ได้ปลาบ้างไม่ได้ปลาบ้าง แต่หายไปด้วยกันข้ามคืน กระทั่งชาวบ้านนำเรื่องไปเตือนแม่น้องรุ้ง ซึ่งตัวแม่น้องรุ้งก็เอาเรื่องไปบอกตัวพ่อเลี้ยง แต่แทนที่แม่น้องรุ้งจะโกรธพ่อเลี้ยง กลับเข้าข้างแล้วสั่งน้องรุ้งนั่งลงต่อหน้าทุกคนแล้วตบหน้าลูกสาว ก่อนที่พ่อเลี้ยงจะคว้าไม้ไผ่ท่อนใหญ่กว่าด้ามไม้กวาดตีโชว์แรง ๆ ไป 5-6 ที ส่วนผู้เป็นแม่ตบไม่รู้กี่ครั้ง ใบหน้าน้องรุ้งเขียวบวม ที่น่าตกใจคือเด็กอายุแค่ 10 ขวบ โดนทั้งตี และตบ กลับไม่มีเสียงร้องไห้ หรือน้ำตาสักหยด โดยน้องรุ้งก้มหน้ารับการกระทำของทั้งแม่แท้ ๆ กับตัวพ่อเลี้ยง

นางสำราญ เล่าอีกว่า หลังทั้งตี และตบน้องรุ้งโชว์ ชาวบ้านจึงไม่มีใครกล้ายุ่งหรือไปเตือนอะไรอีก เนื่องจากกลัวเด็กจะถูกทำร้าย และบอกไปแม่ก็เข้าข้างแต่ฝั่งพ่อเลี้ยง ส่วนน้องรุ้งเป็นคนต้องเจ็บตัว โดยวันปกติเมื่อแม่แท้ๆกับพ่อเลี้ยงออกไปทำงาน จะขังน้องรุ้งเลี้ยงลูกสามีใหม่อยู่ภายในห้อง ไม่ยอมปล่อยให้ออกมาเล่นหรือพูดคุยกับใคร ซึ่งชาวบ้านรู้ว่าน้องรุ้งถูกทุบตีบ่อย เพราะได้ยินเสียงทุบตี แต่ไม่เคยได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงวัย 10 ขวบเลยสักแอะ ซึ่งแม่น้องรุ้งมักเอาใจแต่ลูกสามีใหม่ เรียกนำหน้า "ลูก" ทุกคำ ส่วนน้องรุ้ง ผู้เป็นแม่กลับเรียกจิกหัวว่า "อีรุ้ง" เวลาซื้อขนมก็ซื้อเฉพาะที่ลูกสามีใหม่อยากกินเท่านั้น ช่วงก่อนย้ายออกห้องเช่า ยายก็พยายามถามหาน้องรุ้ง แต่แม่เด็กบอกปัดว่าญาติมารับไปเลี้ยงแล้ว จึงไม่นึกเอะใจว่าจะฆ่าลูกถ่วงน้ำ.

ทีมา    http://www.poskhao.com/2017/06/blog-post_32.html?m=1