ฮือฮา!!คำสั่งเสียพ่อเฒ่าวัย85 “กูตายห้ามโศกเศร้า” หามศพไปเผาแบบโบราณห้ามบรรทุกรถยนต์

วันที่ 11 พ.ค. 2560  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านดอนนนท์ บ้านเลขที่ 36 ม.4 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช   เพื่อร่วมในพิธ...


วันที่ 11 พ.ค. 2560  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านดอนนนท์ บ้านเลขที่ 36 ม.4 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช   เพื่อร่วมในพิธีฌาปนกิจศพคุณพ่อนิคม วิบุลศิลป์ อายุ 85 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เสียชีวิตด้วยชรา โดยพบว่าการเคลื่อนศพหามศพแบบสมัยโบราณเคลื่อนย้ายไปยังฌาปณสถานดอนนนท์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 700 เมตร โดยไม่ได้นำศพบรรทุกรถยนต์เหมือนศพอื่น ๆ แต่บรรดาลูก ๆหลาน ๆ ช่วยกันทำไม้คาบหาบศพเพื่อหามศพเดินเท้าไปเผาที่วัดด้วยแรงคน ซึ่งได้มีการจัดเตรียมไม้คานหาบที่ทำจากไม่ไผ่จำนวน 7 ลำ นำมาผูกด้วยเชือกติดกันอย่างแน่นหนา เพื่อนำโลงศพขึ้นวางบนไม้คานหาม ในขณะที่ไม้คานหามจะผูกประกับประดาด้วยผ้าขาวดำ
“ในส่วนที่โลงศพก็มีการจัดตกแต่งที่สวยงามส่วนที่แปลกตาคือโลงศพมีการดัดแปลงจากโลงศพทั่วไป คือดัดแปลงทำโลงศพให้มีลักษณะคล้ายบ้านหลังใหญ่ 1หลัง และมีสติกเกอร์รถยนต์หรูสวยงามจอดอยู่หน้าบ้าน 2 คัน มองผิวเผินเหมือนรถหรู 2 คันจอดอยู่หน้าคฤหาสถ์หลังใหญ่ สร้างความแปลกตาให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก    จนเมื่อถึงเวลายกศพออกจากบ้านเพื่อนำไปเผาที่วัด บรรดาลูกหลายได้ช่วยกันอย่างเต็มที่ได้นำโลงศพมาวางบนไม้คานหาบที่เตรียมไว้ผูกด้วยเชือกอย่างแน่นหนา จากนั้นบรรดาลูกหลานก็ช่วยกันหามศพเดินเท้าไปยังวัด โดยมีบรรดาญาติๆ และเพื่อนบ้านเดินตามหลังเป็นบวนกว่า 200 คน  ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มแตกต่างจากงานศพโดยทั่วไปที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า”   ร.ต.ต.อนันท์  วิบุลศิลป์  ซึ่งเป็นลูกคนที่ 3ของคุณพ่อนิคม ผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อมีลูกทั้งหมด 6 คน  มีหลานประมาณ 30 คน และบรรดาญาติอีกจำนวนมาก  ส่วนคุณแม่ชื่อนางแต้ม วิบุลศิลป์ อายุ 85 ปี อายุรุ่นเดียวกับคุณพ่อ และยังมีชีวิตอยู่  คุณพ่อเป็นคนสิชลโดยกำเนิดมีอาชีพเป็นเกษตรกรมาตลอดชีวิต โดยท่านเป็นคนที่มีความร่าเริง มีใจเมตตาเป็นที่รักและเป็นแบบอย่างที่ดีของชาวบ้านละแวกนี้เป็นอย่างมาก  จนเป็นที่เคารพรักของคนทั่วไป  ซึ่งตนและบรรดาพี่น้องจึงมีความคิดว่าการเดินหามศพคุณพ่อไปยังวัดดอนนนท์ แทนการนำศพบรรทุกรถยนต์ไปนั้น เพื่อเป็นสืบสานประเพณีโบราณที่การนำศพไปเผาจะต้องใช้คนจำนวนมากหามศพไปเผา เพราะในสมัยโบราณไม่มีรถยนต์ จึงเป็นการสืบสานประเพะณีโบราณที่อาจจะเหลือที่เดียวในเมืองไทย ที่สำคัญเป็นกุศโลบายของคนรุ่นปู่ า ตาทวดเพื่อแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคีในบรรดาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนบ้าน และแสดงออกถึงความรักและชื่นชมในตัวของผู้ตายเองอีกด้วย

“โดยก่อนตายคุณพ่อก็ได้สั่งลูกหลานว่าในงานศพแกขออย่าให้เป็นงานเศร้า ขอให้ลูกหลานและแขกที่มางานมีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะการนตายเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกที่ทุกสรรพสัตว์ไม่สามารถหลีกหนีพ้น และย้ำว่าในการนำศพท่านไปเผาก็ให้หามไปวัดแบบโบราณห้ามนำศพบรรทุกรถยนต์อย่างเด็ดขาด ตนและลูก ๆ หลาน ๆ จึงปฏิบัติตามที่ท่านสั่งเสียก่อนตาย  ส่วนคุณแม่ในวันนี้ยังสขภาพแข็งแรง แต่เมื่อถึงวันที่ท่านต้องเสียชีวิตก็จะปฏิบัติเช่นเดียวกันคุณพ่อ”  ร.ต.ต.อนันท์  วิบุลศิลป์  กล่าว










ทีมา   http://www.tvpoolonline.com/content/437183

You Might Also Like

0 comments