วันที่ 13 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่า ได้มีชาวบ้านได้ออกไปหาปลาที่บริเวณบึงสีไฟ ได้พบซากจระเข้ขนาดใหญ่ยาวประมาณ 3 เมตร เกยตื้นตาย ใกล้กับกองขยะประมงจังหวัดพิจิตรที่นำขยะมาทิ้งข้างบึงดังกล่าว ซึ่งซากจระเข้ คาดว่าตายมาแล้ว 1-2 เดือน บริเวณศรีษะของจระเข้เหลือแต่โครงกระดูก ส่วนบริเวณลำตัว มีเนื้อบางส่วนของจระเข้ที่ยังเน่าเปื่อยติดอยู่กับโครงกระดูก

นายเชิดชู สุวรรณชื่น อายุ 48 ปี ชาว ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วย เพื่อนบ้าน ได้ออกหามิ้ม และปลาในบึงสีไฟ ปรากฏว่า ได้กลิ่นเน่าเหม็น จนมาพบซากจระเข้ นอนเกยตื้นอยู่ ซึ่งยาวประมาณ 3 เมตร ก็ตกใจ เพราะปกติไม่คิดว่าในบึงสีไฟจะมีจระเข้ขนาดใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ไม่มีใครกล้าลงไปเก็บบัวในบึงสีไฟอีกเลย หลังจากที่พบซากจระเข้ขนาดใหญ่ เพราะเชื่อว่า บึงสีไฟ พิจิตรน่าจะมีจระเข้อีกอย่างแน่นอน
ตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาสำรวจตรวจสอบด้วย เพราะเมื่อพบจระเข้ขนาดใหญ่ขนาดนี้ เชื่อว่าบึงสีไฟไม่มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านพบลูกจระเข้กัน แต่ก็เฉยๆ แต่พอมาพบซากขนาดใหญ่ขนาดนี้ หลายคนต่างหวาดกลัวกันมาก ตอนนี้ยังสงสัยอยู่ว่า จระเข้มาเกยตื้นตายเพราะอดอยาก หรือ ว่ามีคนเอาซากมาทิ้ง ซึ่งอยากให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะจระเข้มีที่มาที่ไปอย่างไร กลัวที่สุดคือความไม่ปลอดภัยของคนที่หากินในบึงสีไฟ

นายขนิษท์ พุกเกษม อายุ 26 ปี กล่าวว่า สภาพของจระเข้ที่ทับถมหนาทึบออกมาจากโคลนตรมระยะเป็นทางยาวเกือบ 100 เมตร ขึ้นมานอนตายบริเวณดังกล่าว ส่วนหัวกะโหลก มีสภาพสมบูรณ์ ยังมีเขี้ยวฟันแหลมคม รวม 36 ซี่ กระดูกซี่โครงสันหลังยาวกว่า 3 เมตรครึ่ง ส่วนท่อนหางยังเน่าส่งกลิ่นมาก เชื่อว่าในบึงสีไฟ เนื้อที่กว่า 5,300 ไร่ ยังมีจระเข้ธรรมชาติหลงเหลืออยู่จริง เนื่องจากชาวบ้านรอบๆบึงสีไฟ มักจะพบจระเข้และซากจระเข้กันบ่อยครั้งทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ อีกทั้งเชื่อว่าจระเข้ยักษ์ดังกล่าวจะหนีภัยแล้งภายในบึงสีไฟและอาจอดอาหารจึงออกมาจากวังน้ำลึกที่มีโคลนตมมาเกยตื้นตาย



ทีมา    http://thaidailyhotnews2016.blogspot.com/2017/03/blog-post_13.html